แพลททินัม ฟรุ๊ต ชี้ความปลอดภัยและคุณภาพ ตัวกำหนดอนาคตทุเรียนไทย ตลาดจีนยังยืนหนึ่ง ชี้ตลาดพรีเมียมคือโอกาส
นายณธกฤษ เอี่ยมสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด (มหาชน) หรือ PTF ผู้ส่งออกผักและผลไม้สดเกรดพรีเมียม เปิดเผยถึงภาพรวมการส่งออกทุเรียนไทย ในงาน Asia Fruit Logistica Bangkok Meet Up เวทีรวมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมผักและผลไม้สดจากทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ว่า ปริมาณการส่งออกทุเรียนสดจากไทยไปจีนในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 2568 ลดลงประมาณ 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตร การลดลงดังกล่าวมีสาเหตุหลัก 2 ประการ ได้แก่ 1. สภาพภูมิอากาศที่ทำให้ฤดูกาลเก็บเกี่ยวล่าช้าไปประมาณ 20 วัน 2.มาตรการควบคุมคุณภาพที่เข้มงวดขึ้นจากสำนักงานศุลกากรจีน (GACC) ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสารตกค้าง, เอกสาร GAP และการขึ้นทะเบียน DOA ของโรงคัดบรรจุ ซึ่งส่งผลให้ขั้นตอนการส่งออกต้องใช้เวลามากขึ้น และผู้ประกอบการมีต้นทุนสูงขึ้น
นายณธกฤษเสริมว่า ปัญหานี้ไม่ได้กระทบเฉพาะทุเรียนไทยเท่านั้น แต่ยังรวมถึงประเทศเพื่อนบ้านที่ส่งออกทุเรียนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เขามองว่าอนาคตของทุเรียนไทยจะไม่ใช่เรื่องของการเร่งปริมาณการผลิตเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเน้นที่ “ความปลอดภัยและคุณภาพ” เป็นหัวใจสำคัญ หากภาครัฐและเอกชนร่วมมือกันขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างเป็นระบบ พร้อมกับทำตลาดให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคพรีเมียมมากขึ้น ก็จะช่วยรักษาความนิยมของทุเรียนไทยในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน
“ในส่วน แพลททินัม ฟรุ๊ต ไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาบริษัทฯให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและคุณภาพทุกขั้นตอน ตั้งแต่การให้ความรู้เกษตรกรเรื่องการดูแลผลผลิต การสุ่มตรวจดินและน้ำจากสวนที่จะรับซื้อโดยส่งตรวจในห้องแล็บที่ได้มาตรฐาน ISO17025 และได้รับการรับรองจากกรมวิชาการเกษตร เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสารตกค้างเกินค่ามาตรฐาน จากนั้นเมื่อผลผลิตเข้ามาโรงงาน จะมีการตรวจสอบสารตกค้าง แมลง เชื้อรา โดยใช้เกณฑ์ Global GAP ที่เข้มข้นที่สุดก่อนเข้าสู่ขั้นตอนคัดบรรจุ เพื่อรับประกันความปลอดภัยจากสาร BY2 และแคดเมียม 100% ก่อนส่งออกไปถึงมือผู้บริโภค เพราะเชื่อว่าการแข่งขันที่แท้จริง ไม่ใช่เรื่องราคาและปริมาณเท่านั้น แต่ต้องแข่งกันที่คุณภาพและความปลอดภัยด้วย”
สำหรับคาดการณ์ปริมาณส่งออกทุเรียนไทยทั้งปีนี้ ประเมินว่าน่าจะกลับมาใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เพราะดีมานด์ของตลาดปลายทางในจีนยังมีอยู่มาก โดยช่วงที่ผ่านมาเกิดจากข้อจำกัดของมาตรการจึงทำให้ปริมาณการรับซื้อทุเรียนหน้าโรงงานชะลอตัว ซึ่งวันนี้เริ่มคลี่คลายมากขึ้น หากทั้งนี้สิ่งที่ต้องระวังคือ การควบคุมความชื้นและหนอนเจาะแมลง เนื่องจากปีนี้ประเมินว่าจะมีฝนชุกมากกว่าปกติ
ปัจจุบัน ทุเรียนยังเป็นผลไม้ยอดนิยมของผู้บริโภคชาวจีน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่วัย 24-35 ปี ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและยอมจ่ายเพื่อสินค้าที่มีคุณภาพ ความนิยมตรงนี้กระตุ้นให้เกิดนวัตกรรมของวงการอาหารในจีนที่ไม่ได้จำกัดแค่บริโภคเนื้อทุเรียนสด แต่นำไปพัฒนาเมนูอาหารคาว-หวาน รวมทั้งเครื่องดื่ม ส่งผลให้ธุรกิจร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ผสมทุเรียนเกิดขึ้นในเมืองต่างๆ ของจีนแพร่หลายมากขึ้น ดีมานด์ตรงนี้เชื่อว่ายังเติบโตได้อีกมาก เพราะยังมีหลายพื้นที่ หลายมณฑลของจีนที่ทุเรียนยังเข้าไปไม่ถึง นี่จึงเป็นโอกาสของทุเรียนไทยที่ยังเปิดกว้างอยู่ โดยปัจจุบันตลาดทุเรียนสดในจีนนำเข้าจากประเทศไทยมากที่สุด ตามมาด้วยเวียดนาม มาเลเซีย และฟิลิปปินส์
ในส่วนแนวโน้มตลาดโลก ขณะนี้โลกกำลังก้าวสู่ยุคผลัดใบที่เศรษฐกิจจะแบ่งเป็น 3 ขั้วหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน และกลุ่มประเทศอื่นๆ ที่เริ่มรวมตัวเป็นภูมิภาคการค้า เช่น EU, EFTA และ BRICS โดยหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าในปี 2593 ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดในโลกจะอยู่ในเอเชีย ได้แก่ จีน อินเดีย และอินโดนีเซีย ดังนั้น ไทยต้องเตรียมความพร้อมในการเปิดประตูสู่ตลาดใหม่ๆ เหล่านี้