โปรแกรม XTHERMA: นวัตกรรมยกกระชับผิว “Smart Choice” พลิกโฉมวงการความงามไทย ตอบรับเทรนด์ Longevity สู่ความอ่อนเยาว์และยั่งยืน

ปัจจุบัน โลกความงามกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่นิยามใหม่ มิได้เป็นเพียงเรื่องของ “ภาพลักษณ์ภายนอก” อีกต่อไป แต่เชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับ “สุขภาพองค์รวม” และกลายเป็นกลไกสำคัญใน “เศรษฐกิจเชิงการท่องเที่ยว” ข้อมูลจากการท่องเที่ยวแห่งสหประชาชาติ (UN Tourism) ตอกย้ำถึงการเติบโตของ Medical Tourism ที่พุ่งสูงขึ้นกว่าร้อยละ 15 ต่อปี ทำให้ประเทศไทยต้องตอกย้ำความเป็น Medical Hub แห่งเอเชีย เพื่อดึงดูดนักลงทุนด้านสุขภาพและความงามจากทั่วโลก ท่ามกลางกระแส Longevity ที่ผู้บริโภคไม่เพียงต้องการผลลัพธ์ระยะสั้น แต่แสวงหาวิธีการดูแล ฟื้นฟู และป้องกันอย่างยั่งยืน


บริษัท แอมเพ็ค เอซเธติค จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือความงามทางการแพทย์ชั้นนำของไทยมากว่า 22 ปี ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการเปิดตัวเครื่องยกกระชับผิว “โปรแกรม XTHERMA” เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว (Monopolar RF) อย่างเป็นทางการ ในงาน โปรแกรม XTHERMA Grand Launch 2025 ภายในงานยังได้รับเกียรติจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาเปิดมุมมองสู่เทรนด์ Longevity “ความงามที่ยั่งยืน” และเทรนด์ Cloud Skin ความงามในแบบฉบับเกาหลีที่กำลังมาแรง ซึ่งเน้นผิวสุขภาพดี เรียบเนียน อิ่มน้ำ และเปล่งประกายละมุนอย่างเป็นธรรมชาติ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 ณ ห้องฉัตรา บอลรูม โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ


คุณสุมิตร เตชะสุขสันติ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท แอมเพ็ค เอซเธติค จำกัด เปิดเผยว่า ในยุคที่ตลาดความงามมีการแข่งขันสูง บริษัทไม่เพียงแต่นำเสนอเทคโนโลยีความงามที่ทันสมัย แต่ยังให้การสนับสนุนพาร์ทเนอร์คลินิกผ่านการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ (Training) และกิจกรรมทางการตลาด เพื่อให้แพทย์และผู้ประกอบการอัปเดตความรู้และเทรนด์ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน นวัตกรรมด้านความงามพัฒนาอย่างรวดเร็ว ความงามจึงไม่ใช่สิทธิพิเศษของคนกลุ่มใด แต่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ (Beauty Empowerment) ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคต้องการข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้เพื่อประกอบการตัดสินใจ Ampex จึงให้ความสำคัญกับการเผยแพร่ข้อมูลที่ชัดเจน ควบคู่ไปกับการนำเข้านวัตกรรมคุณภาพ

“Ampex เชื่อว่าความงามควบคู่ไปกับสุขภาพระยะยาว จึงเลือกนำนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้ง “ความสวย” และ “ความยั่งยืน” เช่น เทคโนโลยียกกระชับ ลดไขมัน กระตุ้นคอลลาเจน และฟื้นฟูผิวในระดับลึก โดยเน้นมาตรฐานความปลอดภัยและการออกแบบที่ลดผลข้างเคียง เพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจได้ทั้งผลลัพธ์และสุขภาพผิวในระยะยาว สำหรับการพิจารณานำเข้าเครื่องมือใหม่ Ampex มุ่งเน้นที่ประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และความแปลกใหม่ของเทคโนโลยี โดยคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่เคยมีในประเทศไทย หรือยังไม่มีผู้เล่นหลักในตลาด เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ให้คลินิกและมอบทางเลือกที่คุ้มค่าแก่ผู้บริโภค ด้วยจุดแข็งที่เป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทนวัตกรรมระดับโลก Ampex มีความพร้อมในการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์หลากหลายขึ้น พร้อมตอกย้ำบทบาทผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องมือความงามทางการแพทย์ชั้นนำของไทย ที่ไม่เพียงแต่สร้างความแตกต่าง แต่ยังยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพในตลาดความงามไทยอย่างแท้จริง” คุณสุมิตรกล่าว


สำหรับการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยี “โปรแกรม XTHERMA” คุณสุมิตรเผยรายละเอียดว่า “เทคโนโลยีอย่าง โปรแกรม XTHERMA  ถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการดูแลผิวแบบองค์รวม เพราะสามารถดูแลได้ทั้งผิวหน้าและผิวกายในระดับลึก ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูความยืดหยุ่น และความกระชับของผิวอย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งที่ทำให้ โปรแกรม XTHERMA ตอบโจทย์เทรนด์ Longevity  คือ ไม่ได้เน้นแค่ผลลัพธ์ชั่วคราว แต่เน้นการดูแลผิวให้แข็งแรงจากภายใน เพื่อคงความอ่อนเยาว์ในระยะยาว โดยไม่ต้องพึ่งการทำหัตถการที่รุนแรงหรือเปลี่ยนโครงสร้างใบหน้า นอกจากนี้ โปรแกรม XTHERMA ยังเหมาะกับไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ที่ต้องการผลลัพธ์แบบ ‘เห็นผลแต่ยังดูธรรมชาติ’ ช่วยเสริมการดูแลสุขภาพผิวครบทุกมิติ ทั้งภายนอกและภายใน”

“โปรแกรม XTHERMA ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญของนวัตกรรมความงามยุคใหม่ที่ตอบโจทย์ทั้งประสิทธิภาพและความปลอดภัย โดยใช้เทคโนโลยีคลื่นวิทยุความถี่สูงแบบขั้วเดียว หรือ Monopolar Radio Frequency (RF) ที่สามารถส่งพลังงานลงไปเจาะจงในตำแหน่งที่ต้องการจนเกิดความร้อนลึก (Deep Heating) ในระดับอุณหภูมิ 40–60 °C ลงลึกถึงชั้นหนังแท้ (Dermis) กลไกดังกล่าวทำให้เส้นใยคอลลาเจนและอีลาสตินที่เริ่มหย่อนคล้อยเกิดการหดตัว และฟื้นคืนความกระชับ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งการผ่าตัด นี่คือความแตกต่างจาก RF ทั่วไปที่มักทำงานได้เพียงผิวเผิน ขณะเดียวกัน ความร้อนที่สามารถลงไปถึงชั้นไขมันใต้ผิวหนังก็ยังช่วยให้เซลล์ไขมันบริเวณนั้นลดจำนวนลง จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาเหนียงหรือไขมันสะสมบริเวณใบหน้า”

ทั้งนี้ คุณสุมิตร เตชะสุขสันติ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “หัวใจสำคัญของโปรแกรม XTHERMA อยู่ที่การทำงานผ่านการสั่นของกระแสไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดการชนกันระหว่างโมเลกุลและไอออน จนเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนลึกซึ้งในระดับเนื้อเยื่อ โดยอาศัยคลื่นความถี่สูงที่ 6.78 MHz พร้อมระบบ RF Pulse ปรับได้ถึง 6 ระดับ และระบบ Smart Temperature Cooling ที่ควบคุมได้ถึง 7 ระดับ จึงสามารถปกป้องผิวชั้นนอกในขณะที่ยังรักษาประสิทธิภาพในชั้นลึก หัวทิปที่ออกแบบมาพิเศษมีพื้นที่สัมผัส 5 ตารางเซนติเมตร ทำให้ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้าง เห็นผลชัดเจน และมีหลากหลายขนาดเพื่อรองรับความต้องการในทุกมิติของการรักษา”

“ผลลัพธ์ที่ได้จากการทำ โปรแกรม XTHERMA สามารถสัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรก คอลลาเจนในผิวหดตัวประมาณร้อยละ 20–30 ส่งผลให้ผิวแลดูตึงกระชับทันที และเมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายยังคงสร้างคอลลาเจนใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้สภาพผิวแลดูดีขึ้นในช่วง 3–6 เดือนหลังการรักษา โดยผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานราวหนึ่งปี และหากทำเป็นประจำปีละครั้งจะช่วยคงประสิทธิภาพในการฟื้นฟูคุณภาพผิว ดังนั้น โปรแกรม XTHERMA จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย กรอบหน้าไม่ชัด ริ้วรอยร่องแก้มลึก หรือใบหน้าที่มีเนื้อแก้มและเหนียงมาก รวมถึงผู้ที่เริ่มมีปัญหาหนังตาตก มุมปากตก หรือผู้ที่ต้องการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อคงผิวให้แลดูอ่อนเยาว์อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับหัตถการทางการแพทย์ทั่วไป ยังคงมีข้อควรระวังสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางชนิด เช่น เบาหวาน โรคลมบ้าหมู หรือผู้ที่มีเครื่องมือแพทย์ฝังอยู่ในร่างกาย เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ รวมถึงสตรีมีครรภ์และสตรีให้นมบุตร” คุณสุมิตรกล่าวทิ้งท้าย


ด้าน นพ.ฮโยซึง จาง แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามจากประเทศเกาหลีใต้ เผยถึงเทรนด์ความงามของคนเกาหลีที่ให้ความสำคัญกับวิธีการดูแลตัวเองว่า จากเทรนด์เกาหลีในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าคนเกาหลีให้ความสำคัญกับ “ผิวสุขภาพดีจากภายใน” และต้องการผิวที่เป็นธรรมชาติ อย่างเทรนด์ Cloud Skin ที่เน้นผิวนุ่มฟู มีความโกลว์แบบบางเบาและแมตต์เล็กน้อย ให้ความรู้สึกผิวดีอย่างเป็นธรรมชาติ เทรนด์นี้สะท้อนถึงแนวคิดการดูแลผิวแบบองค์รวม ทั้งเรื่องการพักผ่อน อาหาร การเลือกสกินแคร์ที่ตรงจุด และการเสริมด้วยนวัตกรรมที่ปลอดภัยกระตุ้นการสร้างสุขภาพผิวที่ดีจากภายใน เช่น การกระตุ้นคอลลาเจนและให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ

“ในฐานะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผมมองว่าในช่วง 3 ปีข้างหน้า เทคโนโลยีอย่าง โปรแกรม XTHERMA จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนวงการความงาม โดยเฉพาะในด้านผิวให้แลดูยกกระชับ เพราะจะช่วยให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลายมากขึ้น ผู้คนจะสามารถเข้าถึงนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ได้ตรงจุด ทั้งในแง่ของประสิทธิภาพ ความปลอดภัยและความคุ้มค่า ทำให้การดูแลตัวเองด้วยเทคโนโลยีกลายเป็นเรื่องที่จับต้องได้จริงและไม่จำเป็นต้องพึ่งหัตถการหนักหรือใช้วิธีที่เสี่ยง โปรแกรม XTHERMA จึงถือเป็น Smart Choice สำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่ยังคงต้องการความเป็นธรรมชาติ และความมั่นใจในระยะยาว ซึ่งทั้งหมดนี้คือแนวทางใหม่ของวงการความงามที่เน้นทั้งคุณภาพและความยั่งยืน” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเกาหลีใต้กล่าว

ท่ามกลางเทรนด์ Longevity ที่ผู้บริโภคยุคใหม่เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับความงามที่ยั่งยืน นพ.ดิสพงศ์ ปณิฐาภรณ์ กล่าวเสริมอย่างน่าสนใจว่า “ความงามที่ยั่งยืน”หรือแนวคิด Longevity ในปัจจุบัน มิได้หมายถึงเพียงการแลดู

อ่อนเยาว์ชั่วขณะ หากแต่คือการดูแลตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อคงไว้ซึ่งผิวที่แลดูสุขภาพดีและสมดุลในระยะยาว ผู้บริโภคยุคใหม่เริ่มให้ความสำคัญกับ “การดูแลจากภายใน” มากกว่าการมุ่งหวังผลลัพธ์เฉพาะหน้า พวกเขาไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเกินจริงหรือทำให้สูญเสียความเป็นธรรมชาติ แต่เลือกแนวทางที่เห็นผลจริง ปลอดภัย และตอบโจทย์ในแบบของตัวเอง แนวโน้มนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของตลาดความงาม จาก “เทรนด์ความสวยแบบเดียวกัน” ไปสู่การยอมรับ “ความงามในแบบเฉพาะตัว” ที่มากขึ้น ผู้คนไม่ปรารถนาจะดูเหมือนดาราหรืออินฟลูเอนเซอร์อีกต่อไป หากแต่อยากเป็น “เวอร์ชันที่ดีที่สุดของตนเอง” และเพราะผู้บริโภคมองไกลกว่าเดิม การดูแลตนเองจึงไม่หยุดอยู่แค่การใช้สารเติมเต็มหรือทำทรีตเมนต์ แต่ขยายไปถึงการเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับช่วงวัย การดูแลโภชนาการ การพักผ่อน การออกกำลังกาย และการมีวินัยในการดูแลผิวอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ความงามและสุขภาพดำเนินเคียงกันไปอย่างยั่งยืน”


เทรนด์ผิวแบบ Cloud Skin กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปีนี้ โดยถือเป็นการพัฒนาต่อยอดจากเทรนด์ Glass Skin ที่เคยสร้างปรากฏการณ์ในวงการความงาม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังอธิบายว่า “Glass Skin” หมายถึงผิวที่เปล่งประกาย ฉ่ำน้ำ เรียบเนียน และชุ่มชื้นจนดูสะท้อนแสงดุจกระจกใส ขณะที่ “Cloud Skin” กำลังกลายเป็นพัฒนาการขั้นต่อไปของเทรนด์ความงาม ซึ่งเน้นการบำรุงผิวให้เผยเสน่ห์ความงามตามธรรมชาติ พร้อมสร้างสมดุลระหว่างความชุ่มชื้นและความแมตต์บางเบา เพื่อให้ได้ผิวที่ละเอียดนุ่ม ดูโกลว์อย่างมีมิติและไร้ที่ติ

“แนวคิดของ Cloud Skin เกิดจากการผสานองค์ประกอบ 4 ประการ ได้แก่ Skin Firmness (See and Feel) ความกระชับของผิวที่สามารถ “มองเห็น” และ “สัมผัส” ได้ ผิวดูแน่น สุขภาพดี ไม่หย่อนคล้อยจากการมีคอลลาเจนและอีลาสตินที่แข็งแรง, Skin Surface Evenness ความเรียบเนียนของผิวที่เมื่อแสงตกกระทบ จะให้มิติความละมุนแบบ Soft Focus, Skin Tone Evenness สีผิวที่แลดูสม่ำเสมอ ปราศจากรอยแดง จุดด่างดำ ฝ้า กระ หรือความหมองคล้ำ จนดูเป็น “ผิวสุขภาพดีโดยไม่ต้องแต่งแต้ม”, และ Skin Glow ความโกลว์ที่แลดูเปล่งประกายจากภายใน มิใช่ความมันจากเครื่องสำอาง แต่เกิดจากการเติมความชุ่มชื้นและการบำรุงอย่างสมดุล ส่งผลให้ผิวแลดูสดใส อิ่มน้ำ และเปล่งประกายอย่างเป็นธรรมชาติ” นพ.ดิสพงศ์กล่าว


เคล็ดลับในการปรนนิบัติผิวให้ได้ลุค Cloud Skin นพ.ดิสพงศ์ได้ให้คำแนะนำว่า “การจะบรรลุซึ่งลุค Cloud Skin ได้อย่างแท้จริงนั้น จึงต้องเริ่มจากการดูแลและกระตุ้นชั้นคอลลาเจนใต้ผิวเป็นหลัก เพราะคอลลาเจนคือ รากฐาน ที่ช่วยเสริมความแข็งแรงให้โครงสร้างผิว ทำให้ผิวดูนุ่ม ฟู และมีมิติอย่างเป็นธรรมชาติ นอกเหนือจากการบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ผู้บริโภคยังสามารถเลือกใช้หัตถการที่ช่วยกระตุ้นคอลลาเจน ซึ่งช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างล้ำลึก และเห็นผลชัดเจน วิธีการนี้จะช่วยให้ผิวไม่เพียงแค่ชุ่มชื้นหรือมีไขมันใต้ผิวเท่านั้น แต่ผิวจะมีความแข็งแรงและสุขภาพดีในระยะยาว นำมาซึ่งลุค Cloud Skin ที่นุ่มฟูและเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง”


สำหรับผู้ที่สนใจเริ่มต้นดูแลตัวเองแบบไม่ต้องผ่าตัด พญ. สรวลัย รักชาติ ได้ให้คำแนะนำว่า “ในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ การสลายตัวของคอลลาเจน เริ่มต้นเร็วกว่าที่หลายคนคาดการณ์ โดยพบว่าในวัยเพียง 25 ปีโครงสร้างผิวก็เริ่มมีการสลายคอลลาเจนประมาณ ร้อยละ 1 ต่อปี และเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน อัตราการสลายจะเร่งตัวขึ้นถึง ร้อยละ 2-3 ต่อปี การบริหารจัดการความเสื่อมของผิวจึงต้องเน้นที่การเสริมสวย

Spread the love
fuckidols.com sexy blonde creampie pov.
i was reading this https://banglachotixxx.me/
error: Content is protected !!