ททท. ร่วมกับสถานเอกอัครราชทูตนานาประเทศ เชิญ Celebrity ชื่อดังและอินฟลูเอนเซอร์ไทย-เทศ ตัวแทน Soft Power หลากหลายสาขา ร่วมภารกิจเที่ยวไทย ภายใต้โครงการ BE MY GUEST ถ่ายทอดเสน่ห์ไทย จับใจนักท่องเที่ยวทั่วโลก
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปลุกกระแสท่องเที่ยวไทยในปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 อย่างต่อเนื่องกับโครงการ Be My Guest ดึงกลยุทธ์ Celebrity Marketing ผสานพลังอินฟลูเอนเซอร์ไทย-เทศ และบุคคลสำคัญจากหลากหลายวงการ ร่วมเป็นแขกคนสำคัญของประเทศไทย ออกเดินทางสร้าง Grand Moment ค้นหาจังหวะท่องเที่ยวไทยที่เปี่ยมคุณค่าและความหมาย พร้อมผลิตคอนเทนต์ถ่ายทอดเสน่ห์ไทยมุมมองใหม่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและจุดประกายแรงบันดาลใจแก่นักท่องเที่ยวทั่วโลก
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสื่อสารเสน่ห์ไทยให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลกตามนโยบายของรัฐบาลในปี Amazing Thailand Grand Tourism and Sports Year 2025 เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ผลักดันให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยว (Tourism Hub) และจุดหมายปลายทางระดับโลกอย่างแท้จริง โดย ททท. ได้ขยายผลแนวคิด Grand Celebration ด้วยการขับเคลื่อนโครงการร่วมกับคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยว ในคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ดำเนินโครงการ Be My Guest ซึ่งเป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวปีท่องเที่ยวไทย ปลุกกระแสท่องเที่ยวจากพลังของคอนเทนต์ โดยเชิญครีเอเตอร์ระดับโลกร่วมเป็นแขกคนสำคัญของประเทศไทย นำเสนอประสบการณ์แห่งความเป็นไทย (Experience Thainess) ผ่านการผลิตเนื้อหาประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวประเทศไทยเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ เพื่อเป็นแม่เหล็กสำคัญดึงดูด สร้างการรับรู้ สร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการท่องเที่ยวประเทศไทยของทั้งนักท่องเที่ยว ตลอดจนส่งเสริมภาพลักษณ์ประเทศไทยภายใต้แบรนด์ Amazing Thailand ให้แข็งแรงยิ่งกว่าที่เคย
นายนิธี สีแพร รองผู้ว่าการด้านสื่อสารการตลาด ททท. เปิดเผยว่า โครงการ Be My Guest ได้นำ กลยุทธ์ Celebrity Marketing มาใช้ในการกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยว โดยเชิญบุคคลที่มีอิทธิพลจาก 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ อินฟลูเอนเซอร์จากนานาประเทศ และบุคคลที่คร่ำหวอดในวงการ Soft Power จากหลากหลายสาขาเข้ามาช่วยปลุกกระแสการเดินทางท่องเที่ยวไทย โดยจะแชร์เนื้อหาที่ผลิตขึ้นทางแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของตนเอง รวมทั้งปรับเนื้อหาให้เข้ากับภาษา วัฒนธรรมของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งรวมถึงแพลตฟอร์มเฉพาะภูมิภาค อาทิ Weibo Douyin และสำนักข่าวท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดี และสร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทย
กลุ่มอินฟลูเอนเซอร์ประกอบด้วย 10 อินฟลูเอนเซอร์ต่างชาติ ได้แก่ Katty Whatthechic และ Wael Abualteen จากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, Michael Drake จากออสเตรเลีย, Fran & Ailyn จากสเปน, Brian Brighantti จากสหรัฐอเมริกา, Zhang Zhangnang, Hanabing, Mo Rou, Yumme จากจีน, Mark จากฮ่องกง และ Xiaozimo จากไต้หวัน มาจับคู่กับ 10 อินฟลูเอนเซอร์ไทย ได้แก่ KongGreenGreen, หลากฉี, เฉียง ไปอยู่ไหนมา, Nisamanee.Nut, Juny Jomkan, Long lee, TheFadd, OLE’CH, GZR Gozziila และปักหมุดชาแนล เพื่อร่วมทำภารกิจท่องเที่ยวและผลิตคอนเทนต์ท่องเที่ยวไทย ส่วนกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงจากต่างประเทศ อาทิ ผู้นำทางความคิด นักธุรกิจ และผู้มีบทบาทในเวทีนานาชาติ ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเดินทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ได้แก่ บี้-ธรรศภาคย์ ชี นักร้องและนักแสดงที่มีชื่อเสียงทั้งไทยและจีน ผู้ติดตามกว่า 4.5 ล้านคน, โยชิ-รินรดา ธุระพันธ์ นักแสดง นางแบบและเน็ตไอดอลชื่อดังสาย LGBTQ ที่มีกระแสไวรัลในกลุ่มประเทศจีน ญี่ปุ่น เวียดนามและฟิลิปปินส์ มีผู้ติดตามกว่า 10 ล้านคน, Christophe Nicolas Guillarme ดีไซเนอร์แฟชั่นชื่อดังชาวฝรั่งเศส, Scott Thomas นักจัดรายการของสหราชอาณาจักรที่สร้างแรงบันดาลใจในการดูแลสุขภาพ (Wellness), Khalil Rountree Jr. และ Mia Kang 2 นักกีฬา MMA และแฟชั่นไอคอนที่มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกา, Irene Pila อินฟลูเอนเซอร์ด้านการท่องเที่ยวและถ่ายภาพจากอิตาลี, Ebraheem Al Samadi นักธุรกิจชื่อดังจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ Deborah Dickson-Smith นักเขียนและนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจากออสเตรเลีย เป็นต้น ทั้งสองกลุ่มนี้จะเข้าร่วมกิจกรรม Be My Guest Fam Trip ในวันที่ 26 มิถุนายน-1 กรกฎาคม 2568 และเข้าร่วมงาน Amazing Thailand Saneh Thai Gala Night งานเฉลิมฉลองปีแห่งการท่องเที่ยวไทย 2568 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในกิจกรรม Grand Invitation ที่ยิ่งใหญ่ ในวันที่ 30 มิถุนายน 2568
สำหรับกิจกรรม Be My Guest Soft Power Fam Trip ของอินฟลูเอนเซอร์ไทยและต่างชาติ ททท. และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านการท่องเที่ยว ในคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้ออกแบบคัดเลือก 10 เส้นทางท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน ในพื้นที่เมืองน่าเที่ยวที่มีศักยภาพสูง และมีความโดดเด่นของจุดขาย Soft Power ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร (Food), ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness), ศิลปะและวัฒนธรรม (Art & Culture), มวยไทย, แฟชั่นหรือสินค้า (Fashion Design) ที่สะท้อนถึงภูมิปัญญาไทย ครอบคลุมพื้นที่เขาใหญ่–นครนายก ลุย Hidden Paradise ดินแดนแห่งสุขภาพและ Soft Adventure, บุรีรัมย์ โชว์เสน่ห์แห่งเมืองนักสู้ Sport Tourism เชื่อมโยงวิถีชุมชน , สุราษฎร์ธานี ฮีลใจกับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และแนวคิดความยั่งยืน, กระบี่–ตรัง ชาร์ตพลังกายใจกับธรรมชาติบำบัด Wellness x Nature Retreat, เพชรบุรี Gastronomy Tourism ตามล่าอาหารเมืองสามรส, เลย-เชียงคาน ชีวิตติดริมโขงกับรูปแบบการท่องเที่ยวยั่งยืนและม่วนจอยงานประเพณีท้องถิ่น (ผีตาโขน) , ระยอง-จันทบุรี ดื่มด่ำวิถีชาวสวน Fruit Ranger 1 วัน ในดินแดนผลไม้, น่าน พบกับเสน่ห์แห่งเมืองเก่า Nan Living Old City: Coco x Coffee x Culture (Cultural Tourism), สุโขทัย Taste of Time สัมผัสห้วงเวลาแห่งวัฒนธรรมในเมืองสร้างสรรค์ของ UNESCO (Cultural Tourism) และ เชียงราย เสิร์ฟมนต์เสน่ห์แห่งเมืองล้านนาบอกเล่าความงดงามของศิลปะแฟชั่นและวัฒนธรรม (Cultural Tourism) พร้อมผสานแนวคิด 5 Must Do in Thailand ถ่ายทอดเป็นเรื่องราวใหม่ ๆ (New Stories, New Perspectives) สอดคล้องกับแนวคิดแคมเปญ Amazing Thailand : Your Stories Never End อย่างสร้างสรรค์ ขณะเดียวกัน สำหรับกลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลทางความคิดจากแวดวงต่างๆ ททท.จัดเส้นทางพิเศษ Thailand in the Box นำเสนอเรื่องราว คุณค่า และเสนอความเป็นไทย ผ่านสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวที่มีความโดดเด่นของอัตลักษณ์ทุกมิติทั้งวัฒนธรรม อาหาร ประวัติศาสตร์ ธรรมชาติ และไลฟ์สไตล์ จำนวน 3 เส้นทาง ได้แก่ สุโขทัย : The Soul of Siam สัมผัสจิตวิญญาณของสยามประเทศ ความงดงามของวัฒนธรรมผ่านโบราณสถานและวิถีไทย, สมุทรสงคราม : River of Serenity ดื่มด่ำบรรยากาศความคลาสสิกของวิถีชีวิตริมน้ำ ตลาดน้ำและการท่องเที่ยวแบบ ECO และ จันทบุรี : Flavor of Gems ตามล่าขุมทรัพย์แห่งอัญมณีและเพลิดเพลินกับอาหารถิ่นและผลไม้ภาคตะวันออก
การเดินทางมาของกลุ่มอินฟลูเอนเซอร์และบุคคลที่มีชื่อเสียงในครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับการสื่อสารและทำคอนเทนต์ด้วยแนวคิด “Collaboration-led Experience” สร้างเรื่องราวที่ทรงพลังผ่านความร่วมมือระหว่างสองวัฒนธรรมสองมุมมอง เพื่อค้นพบและเล่าเรื่องราวของไทย ที่มีทั้งสีสัน รสชาติ และเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน โดยอินฟลูเอนเซอร์จะได้รับภารกิจที่แตกต่างกันไป ซึ่งจะสะท้อน Soft Power เช่น อาหาร ศิลปะ แฟชั่น วัฒนธรรม มวยไทย การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และสอดแทรกเรื่องของความยั่งยืน (Sustainability) เพื่อส่งต่อภาพลักษณ์ด้านความสะดวก ปลอดภัย รวมถึงมุมมองใหม่ที่หลากหลายของประเทศไทย ผ่านคอนเทนต์ที่ร่วมสมัย สร้างแรงบันดาลใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทั่วโลกอย่างแท้จริง ทั้งนี้ สามารถติดตามและร่วมเดินทางทั่วไทยไปพร้อม ๆ กับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ ได้ทาง Facebook : Amazing Thailand เร็ว ๆ นี้