เมื่อความสบายกลายเป็นนิยามใหม่ของความหรูหรา แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เผยวิสัยทัศน์อนาคตแห่งวงการอาหารของเอเชียแปซิฟิก
รายงาน Future of Food 2026 โดยแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล เผยให้เห็นแนวโน้มใหม่ที่มุ่งสู่ความหรูหราในแบบที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นสบายควบคู่กับประสบการณ์ที่สะท้อนวัฒนธรรมอาหารท้องถิ่น ซึ่งสร้างนิยามใหม่ของการลิ้มรสความสุขอย่างมีระดับ กรุงเทพฯ, 17 ตุลาคม 2025 – แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล (Marriott International) เผยรายงานล่าสุด The Future of Food 2026 ที่เจาะลึกพฤติกรรมและรสนิยมการรับประทานอาหารที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รายงานฉบับนี้ชี้ให้เห็นแนวโน้มสำคัญที่กำลังเปลี่ยนโฉมวงการอาหาร ตั้งแต่การขยับจากการรับประทานอาหารแบบไฟน์ไดนิ่งสู่ ความหรูหราในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เมนูที่รับประทานง่าย สบาย ๆ ประสบการณ์การรับประทานที่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ และการให้คุณค่ากับรสชาติและวัตถุดิบท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น ผู้บริโภคยุคใหม่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ผ่อนคลายและออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะบุคคล เป็นมื้ออาหารซึ่งการเล่าเรื่องราว ความบันเทิง และการออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียด มีความสำคัญไม่แพ้รสชาติของอาหาร
รายงานฉบับนี้อ้างอิงข้อมูลเชิงลึกจากเชฟชื่อดัง มิกโซโลจิสต์ ผู้ที่คร่ำหวอดในแวดวงอาหาร และสื่อสายอาหารในภูมิภาคกว่า 30 ราย รวมถึงผลสำรวจจากทีมอาหารและเครื่องดื่มของแมริออทในโรงแรมกว่า 270 แห่ง ครอบคลุม 20 ตลาดทั่วเอเชียแปซิฟิก เพื่อวิเคราะห์ว่าแนวโน้มเหล่านี้กำลังจะพลิกโฉมวงการบริการและความคาดหวังของแขกผู้เข้าพักไปอย่างไร
ปีเตอร์ ราบา รองประธานฝ่ายอาหารและเครื่องดื่ม ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (ไม่รวมจีน) แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “รายงาน The Future of Food 2026 แสดงให้เห็นว่า เอเชียแปซิฟิกกำลังมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของการรับประทานอาหารทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นกระแสความหรูหราหากแต่ผ่อนคลาย ไปจนถึงการรับประทานอาหารที่เน้นประสบการณ์ ปัจจุบันแขกมองหาความเชื่อมโยงทางอารมณ์มากพอ ๆ กับความเป็นเลิศของรสชาติ รายงานฉบับนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการเติบโตไปพร้อมกับอุตสาหกรรมนี้ และสร้างสรรค์ประสบการณ์การรับประทานอาหารที่มีความหมาย เชื่อมโยงกับวัฒนธรรมและสถานที่ และปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับวิถีของนักเดินทางรุ่นใหม่”

พร้อมกล่าวเสริมว่า “ทั่วทั้งเอเชีย บริบทเกี่ยวกับอาหารรูปแบบใหม่กำลังเกิดขึ้น อย่างการผสมผสานระหว่างคุณภาพกับความรื่นรมย์ในการรับประทาน และความหรูหรากับประสบการณ์ อาหารมื้อนั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การกิน แต่คือการกระตุ้นทุกประสาทสัมผัส รายงานฉบับนี้ชี้ว่าอาหารไม่ได้เป็นเพียงสิ่งที่ให้พลังงานแก่ร่างกายอีกต่อไป แต่คือการเล่าเรื่อง การสะท้อนตัวตน และการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรม” ในประเทศไทย ได้มีการจัดเสวนาเพื่อเปิดตัวรายงาน “Future of Food 2026” เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ณ เดอะเฮ้าส์ออนสาทร โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิร่วมแบ่งปันมุมมองเกี่ยวกับอนาคตของวงการอาหารไทย เอิบลาภ ศรีภิรมย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า “วัตถุดิบพื้นถิ่นของไทยสะท้อนเรื่องราวอันทรงพลังของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของประเทศ การเผยแพร่สิ่งเหล่านี้สู่เวทีโลกคือการเชิญชวนให้นักเดินทางมาสัมผัสประเทศไทยในมิติที่ลึกซึ้งและมีความหมายยิ่งขึ้น” ด้าน แบรด เอ็ดแมน รองประธานกรรมการประจำประเทศไทย กัมพูชา และเมียนมา แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวเสริมว่า “อนาคตของวงการอาหารอยู่ที่นี่แล้ว ในประเทศไทย เราภูมิใจที่ได้ประสานความร่วมมือกับ ททท. ในการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น สนับสนุนชุมชน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และตอกย้ำภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางด้านอาหารระดับโลก”
แนวโน้มสำคัญที่กำหนดอนาคตของวงการอาหาร
1. Comfort is the New Luxury (ความหรูหรารูปแบบใหม่: ผ่อนคลาย สบายๆ)
ยุคใหม่ของการรับประทานอาหารได้ถือกำเนิดขึ้น ด้วยแนวคิด Fine-Casual ที่ผสมผสานความหรูหราเข้ากับความรื่นรมย์และผ่อนคลาย ตั้งแต่การยกระดับเมนูคลาสสิกอันคุ้นเคยเช่น ไก่ทอดเสิร์ฟพร้อมคาเวียร์ หรือการนำเสนอเมนู à la carte ที่ให้แขกเลือกสรรได้หลากหลายและสะท้อนตัวตน ตั้งแต่เชฟจากสิงคโปร์ไปจนถึงโตเกียวกำลังเปิดรับแนวทางที่ผ่อนคลายยิ่งขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา ในขณะที่ลูกค้าโหยหาความคุ้นเคยที่มาพร้อมกับลูกเล่นใหม่ ๆ บรรดาเชฟแถวหน้าต่างนำเอาอาหารจานโปรดในชีวิตประจำวันมาตีความใหม่ ด้วยความปราณีตสไตล์ไฟน์ไดนิ่ง บวกความคิดสร้างสรรค์ และความสวยงามในการจัดจาน รายการอาหารแบบดั้งเดิมที่มีหลายคอร์สกำลังถูกแทนที่ด้วยประสบการณ์ที่รวดเร็วและยืดหยุ่นกว่าเดิม ข้อมูลจากการสำรวจของเครือโรงแรมแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกชี้ว่า 59% ของโรงแรมดังกล่าวระบุว่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แขกเลือกรับประทานอาหารแบบง่าย ๆ สบาย ๆ มากกว่าแบบที่เป็นทางการ
2. Dining Becomes a Sensory Journey (การรับประทานอาหารกลายเป็นการเดินทางแห่งประสาทสัมผัส)
รูปแบบการรับประทานอาหารทั่วเอเชียกำลังกลายเป็นเรื่องของประสบการณ์ที่ปลุกเร้าทุกประสาทสัมผัส ทั้งการเลือกประสบการณ์รับประทานอาหารในความมืด หรือ เสพงานศิลป์ที่กินได้ กว่า 48% ของพนักงานด้านอาหารและเครื่องดื่มของแมริออทรายงานว่ามีแขกที่มองหาประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบมีปฏิสัมพันธ์เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ร้านอาหารจึงออกแบบประสบการณ์ที่เน้นความมีส่วนร่วมมากขึ้น ทำให้การรับประทานอาหารกลายเป็นทั้งศิลปะ การแสดง และการแสดงออกทางตัวตนเพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดื่มด่ำและกระตุ้นประสาทสัมผัสหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่ประสบการณ์แบบโอมากาเสะไปจนถึงการจัดบรรยากาศตามธีมต่าง ๆ ในขณะที่เส้นแบ่งระหว่างการค้าปลีก การบริการ และธุรกิจบันเทิงเริ่มเลือนลาง อาหารจึงกลายเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการแสดงออกถึงตัวตนและความคิดสร้างสรรค์
3. Plating Up Native Ingredients (การเชิดชูวัตถุดิบพื้นถิ่น)
เหล่าเชฟกำลังหันมาให้ความสำคัญกับวัตถุดิบพื้นถิ่นเป็นองค์ประกอบสำคัญของอัตลักษณ์ด้านอาหาร โดยดึงรากเหง้าทางวัฒนธรรมและการแสดงออกทางตัวตนมาเป็นแรงบันดาลใจ ความสนใจในการใช้วัตถุดิบท้องถิ่น วัตถุดิบที่หาเก็บเองจากธรรมชาติ หรือแม้แต่วัตถุดิบที่ถูกลืมเพื่อถ่ายทอดเรื่องราวของอาหารให้ลึกซึ้งและแท้จริงมีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้น จากการสำรวจโรงแรมและรีสอร์ทของแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พบว่า 85% นำวัตถุดิบท้องถิ่นหรือเมนูพื้นบ้านมาผสมผสานในเมนูอาหาร สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการอาหารที่ได้จากวัตถุดิบตามฤดูกาลที่เพิ่มสูงขึ้น
4. AI Takes a Byte of the Industry (AI ก้าวเข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรม)
เทคโนโลยี AI กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมอาหาร ช่วยยกระดับประสิทธิภาพและสร้างประสบการณ์รับประทานอาหารที่ออกแบบตามความต้องการเฉพาะบุคคลได้มากขึ้น ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีจะผลักดันการจัดทำเมนูที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งจะใช้ประโยชน์จากข้อมูลป้อนกลับแบบเรียลไทม์เพื่อปรับการจับคู่เมนูและราคาให้เหมาะสมที่สุด ทั้งนี้ 76% ของโรงแรมในเครือ แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ที่ทำการสำรวจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังนำเทคโนโลยีบริหารจัดการการจองมาใช้ ขณะที่ 75% ระบุว่า โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของแขกในการจองห้องอาหารและบาร์ แม้ว่าผู้ประกอบการจะนำเครื่องมือเหล่านี้มาใช้เพื่อให้การทำงานเป็นแบบอัตโนมัติและยกระดับบริการ แต่ความท้าทายหลักยังคงอยู่ที่การรักษาสายสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของงานบริการที่แท้จริง
5. Asia’s Culinary Hotspots (จุดหมายด้านอาหารแห่งใหม่ในเอเชีย)
อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และจีนแผ่นดินใหญ่ กำลังเป็นที่ยอมรับในเวทีโลกด้วยวัฒนธรรมอาหารที่มีชีวิตชีวาและหลากหลาย รายงานฉบับนี้ระบุถึงความมั่นใจและความคิดสร้างสรรค์ที่ฟื้นคืนมาอีกครั้ง ทำให้ประเทศเหล่านี้ก้าวขึ้นมาเป็นจุดหมายด้านอาหารในเวทีโลก
6. Third-Generation Asian Chefs Stir the Pot (เชฟเอเชียรุ่นที่สามกำลังเขย่าวงการอาหาร)
เชฟรุ่นที่สามของเอเชียที่ผ่านการฝึกฝนจากครัวระดับมิชลินกำลังปฏิวัติวงการอาหารเอเชีย พวกเขาทำหน้าที่เป็น “ทูตทางวัฒนธรรม” นำเทคนิคการทำอาหารสมัยใหม่มาประยุกต์ พร้อมใช้วัตถุดิบพื้นถิ่นเพื่อยกระดับและปรับแต่งรสชาติ พวกเขาไม่ได้เพียงทำอาหาร แต่กำลังรักษามรดกทางวัฒนธรรมไปพร้อมกับสร้างเส้นทางใหม่ แสดงให้เห็นว่าประเพณีและนวัตกรรมสามารถอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนบนจานอาหารได้ จิตวิญญาณสร้างสรรค์นี้ยังปรากฏในกลุ่มผู้ขายอาหารริมทาง หรือ ‘hawkerpreneurs’ ที่เติมความหรูหราให้ลักซา และเพิ่มรสชาติและสไตล์ให้สะเต๊ะ
ข้อมูลเพิ่มเติมจากรายงาน:
● The Flavor Spectrum – ความหลากหลายแห่งรสชาติ: ผลสำรวจเผยให้เห็นว่าผู้บริโภคยังคงนิยมค็อกเทลสูตรคลาสสิกและค็อกเทลสมัยใหม่ที่มีแรงบันดาลใจจากท้องถิ่น ข้อมูลยังชี้ให้เห็นแนวโน้มที่ชัดเจนในการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก พนักงานฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มของแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล สังเกตว่าแขกเริ่มมองหาเมนูมังสวิรัติ (63%), เจ (64%) และอาหารปราศจากกลูเตน (54%) มากขึ้น นอกจากนี้ เครื่องปรุงคลาสสิก เช่น ซอสมะเขือเทศ มายองเนส ซอสพริก และซีอิ๊วยังคงได้รับความนิยมในหลายตลาด
● Raising the Bar – ยกระดับบาร์: บาร์ทั่วเอเชียกำลังสร้างนิยามประสบการณ์การดื่มใหม่เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ การปรับแต่งให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะบุคคล และบรรยากาศที่ดื่มด่ำ ตั้งแต่เมนูเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่ำหรือปราศจากแอลกอฮอล์ ไปจนถึงค็อกเทลสไตล์โอมากาเสะ สถานที่เหล่านี้ก้าวข้ามการเสิร์ฟเครื่องดื่มแบบเดิม ๆ และดึงดูดผู้ที่มีใจรักในรสชาติเดียวกัน นอกจากนี้ ค็อกเทลบาร์ต่าง ๆ ยังสร้างสีสันให้วงการด้วยการบอกเล่าเรื่องราวและเพิ่มความจัดจ้านให้รสชาติด้วยวัตถุดิบท้องถิ่นหรือดาชิ
● The Future Larder – ตู้เสบียงแห่งอนาคต: วัตถุดิบใหม่ ๆ ที่แปลกและวัตถุดิบคลาสสิกที่ถูกลืมไปนาน กำลังขับเคลื่อนยุคใหม่ของอาหารเอเชีย ตั้งแต่เครื่องปรุงของหมักต่าง ๆ ไปจนถึงเกลือที่ใช้กรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิมและน้ำส้มสายชูสูตรที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น เชฟให้ความสนใจศึกษาวัตถุดิบดั้งเดิมมากขึ้น เพื่อสร้างสรรค์รสชาติที่เด่นชัด ยั่งยืน และเต็มไปด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม
● Sustainability Pioneers – ผู้บุกเบิกด้านความยั่งยืน: ภูมิปัญญาท้องถิ่นกำลังขับเคลื่อนขบวนการอาหารยั่งยืนในเอเชีย ด้วยการเพิ่มขีดความสามารถให้เกษตรกรในท้องถิ่นและส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพผ่านวิสาหกิจเพื่อสังคม แคมเปญจากระดับรากหญ้านี้กำลังสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมในอุตสาหกรรมการบริการ และมีอิทธิพลต่ออนาคตของระบบนิเวศด้านอาหารในภูมิภาคอย่างกว้างขวาง